ว่าที่ ร.ต.สมทรงฯ นายกเล็กนครอยุธยา พร้อมคณะผู้บริหาร  มอบอินทผลัมให้ผู้นำศาสนาอิสลาม ช่วงถือศีลอดตลอดเดือนรอมฎอน

เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา  นายกเทศมนตรีนครฯ  ห่วงใยพี่น้องมุสิลม นำคณะผู้บริหาร  สมาชิกสภาเทศบาลนครฯ หัวหน้าส่วนราชการ  ออกพบปะผู้นำศาสนาอิสลาม  พร้อมมอบอินทผลัมใช้ในช่วงละศีลอด เพื่อเป็นการส่งเสริมบำรุงศาสนาตามหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม ส่งเสริมความรัก ความสามัคคี สมานฉันท์ และสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่

          วันที่ 26  มีนาคม  2567  พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร  ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา  พ.อ.อ.สุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีนครฯ  ด.ต.สุรินทร์ ผดุงเพียร รองนายกทศมนตรีนครฯ นางรุ่งรัศมี สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีนครฯ นายกฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ รองนายกเทศมนตรีนครฯ  พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาลนครฯ  สมาชิกสภาฯ (สท.)  หัวหน้าส่วนราชการ  ออกพบปะผู้นำศาสนาอิสลาม  พร้อมมอบอินทผลัมให้กับ นายประดิษฐ์ รัตนโกมล ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้แทนมัสยิดในเขตเทศบาลนครฯ  จำนวน 28 มัสยิด เพื่อนำไปมอบให้พี่น้องมุสลิม ใช้ในกิจกรรมการละศีลอดตลอดช่วงเดือนรอมฎอน  ณ นมัสยิดกลางประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (มัสยิดโดมทอง) ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

          ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครฯ  กล่าวว่า  ขณะนี้เป็นช่วงที่พี่น้องชาวมุสลิม  อยู่ในช่วงระหว่างการถือศีลอด ซึ่งการถือศีลอดเป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้ร่างกายเกิดความเมื่อยล้า เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนชาวมุสลิม  จึงได้เป็นตัวแทนของชาวไทยพุทธ  เข้ามาพบปะพูดคุย ให้กำลังใจ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  เป็นการแสดงออกถึงสายสัมพันธ์ของประชาชน 2 ศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาแต่ช้านาน

          ด้านนายประดิษฐ์ รัตนโกมล ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เดือนรอมฎอน ถือเป็นเดือนปฏิบัติศาสนกิจที่สำคัญของพี่น้องมุสลิมทั่วโลก ตามหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม กำหนดให้มุสลิมทุกคนต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำโดยนายกเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ห่วงใยพี่น้องมุสิลม จึงได้มาพบปะผู้นำศาสนา พร้อมมอบอินทผลัม ใช้ในช่วงละศีลอด เพื่อเป็นการส่งเสริมบำรุงศาสนาตามหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม ส่งเสริมความรัก ความสามัคคี สมานฉันท์ และสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมากที่แสดงให้เห็นว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกัน และร่วมทำกิจกรรมด้วยกันได้อย่างสันติสุข