ชาวนาสามเรือนเมืองกรุงเก่าทึ่ง สุดยอดนวัตกรรมสารอินทรีย์โมเดล

ชาวนาเมืองกรุงเก่าทึ่ง !   “สุดยอดโมเดล” นวัตกรรมสารอินทรีย์ชีวภาพก้าวหน้า ลดต้นทุนชาวนาเกินกว่าครึ่ง  กรณีแปลงนาสาธิต ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

        นายสมชาย พงษ์เทพิน ประธานชมรมผู้ประกอบการและการจัดการทางสังคม (SEM) จับมือ ผู้ใหญ่ ณัฐพล รื่นถวิล ผู้นำชุมชน  ตำบลสามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จัดกิจกรรมเผยแพร่องค์ความรู้ก้าวหน้า ด้านการพัฒนา “สารอินทรีย์ชีวภาพ สกัดไร้สารเคมี ก้าวหน้าระดับอนุภาคเล็ก  ระดับนาโนเทคโนโลยี และสกัดสารต้นกำเนิดพืชระดับ “สเต็มเซลล์” พร้อมด้วยการเสริมธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเพิ่มผลผลิตพืชทุกชนิด  ซึ่งมีคุณลักษณะที่เฉพาะโดดเด่นที่พืชสามารถดูดซึมผ่านส่วนต่างๆของพืชและนำสารไปใช้ได้ทันที ผ่านการผสมน้ำในอัตรา ส่วน 7.5 - 15 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นได้ทุกส่วนของพืช ทั้งใบ กิ่งก้าน ลำต้น และ โคนราก เมื่อพืชดูดซึมแล้วสามารถนำสารอาหารไปใช้ได้เลย เสมือนไม่ต้องผ่านกระบวนการในการย่อยสังเคราะห์แสง จึงดูดซึมได้เร็ว และ มีสารนำปฏิกิริยา ที่เหนี่ยวนำสารไหลเวียนไปตามท่อน้ำเลี้ยงและระดับเซลทั่วทั้งต้นได้เลย

        สำหรับสารอินทรีย์โมเดล  เป็นสารอินทรีย์ชีวภาพที่ก้าวหน้าที่สุด  ในระดับของการวิจัยของประเทศและระดับสากล ด้วยความมุ่งมั่นของ นายสมชาย พงษ์เทพิน (อ.แก้ว จิตอาสา)  ประธานชมรมผู้ประกอบการและการจัดการทางสังคม (SEM) องค์กรภายใต้ การนำนวัตกรรมทางสังคมสู่ชุมชน หลักการภายใต้อุดมการณ์ของวิชาการนวัตกรรมสังคม  มหาวิทยาลัยรังสิต จึงรวมกลุ่มนักวิชาการจิตอาสาที่เรียนรู้องค์ความรู้นี้ นำมาส่งเสริมให้ความรู้และสร้างแปลงนาสาธิตให้กับกลุ่มผู้สนใจในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดอื่นๆ

           จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีการจัดบรรยายให้ความรู้และแจกจ่ายให้ชุมชนไปทดลองใช้ พร้อมกับเปิด “แปลงสาธิตการทำนาโดยสารอินทรีย์ชีวภาพก้าวหน้า โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีเลย ด้วยความร่วมมือของ นายณัฐพล รื่นถวิล (ผู้ใหญ่หนุ่ม)  ณ ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ในฤดูกาลที่ผ่านมา  ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 ถึงกันยายน 2560  โดยแบ่งเป็นแปลงนาเดิมส่วนที่ชาวนาในโครงการฯ ทำด้วยปุ๋ยเคมี และเปิดแปลงนาสาธิตที่ใช้สารอินทรีย์ชีวภาพทดแทน ฉีดพ่นประมาณ 4-5 ครั้ง เท่านั้น

          กรณีเปรียบเทียบ ค่าปุ๋ยเคมีใช้ ประมาณ 1,000-1,500 บาท/ไร่ แต่สารสกัดในแปลงสาธิต ใช้ค่าสารฯ เพียง 200 กว่าบาท / ไร่ สำหรับผลการเจริญเติบโตในช่วงแรกใกล้เคียงกัน แต่ในช่วงเดือนที่สองระบบรากและการแตกกิ่งก้าน การใช้สารอินทรีย์จะมีรากที่แตกแขนงกอใหญ่กว่าเกือบเท่าตัว  และการแตกกอมากกว่า การเติบโตในเดือนที่สามต้นสูงกิ่งก้านแข็งแรง แตกแขนงกอมากกว่าสารเคมี  ในเดือนที่สี่ เริ่มออกช่อรวงข้าวค่อนข้างแน่นเม็ดเต็มมีน้ำหนักสมบูรณ์งดงามกว่าการใช้ปุ๋ยเคมีหรือกล่าวได้ว่าไม่แพ้ปุ๋ยเคมีเลย และเจ้าของนาสังเกตว่าโรคพืชและแมลงจะเบาบางกว่าส่วนที่ใช้ปุ๋ยเคมี ผลผลิตออกมาไม่แพ้กันเลย

          นายณัฐพล รื่นถวิล  (ผู้ใหญ่หนุ่ม)  กล่าวว่า  แรกๆตอนมาบรรยายก็ไม่แน่ใจนักว่า  สารอินทรีย์ชีวภาพเพียงน้อยนิดนั้น  มันจะสามารถนำมาใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีได้ขนาดนี้ ผมเฝ้าติดตามการเจริญเติบโต และเห็นกับตาว่าได้ผลจริงดังว่าไม่แพ้สารเคมีแต่สามารถลดต้นทุนลงไปได้หลายเท่าตัวทีเดียว  จากที่ใช้เคมี 1,000-1,500 บาท ในกรณีแปลงสาธิตค่าสารอาหารพืชใช้เพียง 200 -300 บาทเท่านั้นเอง เป็นทางเลือกที่ดีของชาวนาเลยครับ  ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน  เราทำงานพัฒนาชุมชน ชอบที่ว่าเป็นสารอินทรีย์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพชาวบ้านก็ดีด้วย  อยากให้ชาวบ้านมาเรียนรู้เพื่อประโยชน์ของตนเอง

          อ.แก้ว จิตอาสา  กล่าวว่า ปัจจุบันโลกของเรานั้นเทคโนโลยีและการวิจัยก้าวหน้าไปไกลมาก อัตราเฉลี่ยผลิตต่อไร่ และต้นทุนการทำนา  โดยเฉพาะสารเคมี เราสูงมากกว่าหลายประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเดียวกัน  ปัจจัยหลักอันหนึ่ง คือ ค่าปุ๋ยและสารเคมี เป็นส่วนที่ชาวนาใช้มากเป็นอันดับแรกและราคาสูงขึ้น  เพราะนำเข้าสารตั้งต้นจากต่างประเทศ ซึ่งระยะยาวมีผลต่อสภาพดินสิ่งแวดล้อม  ต่างจากสารอินทรีย์ชีวภาพที่ไร้สารเคมี  ฟื้นฟูดิน และสุขภาพ จึงเป็นเหตุผลที่เราได้นำองค์ความรู้ที่มีในสังคมเรามาขยายผลสู่พี่น้องชาวนา และเกษตรกร ซึ่งสามารถใช้ได้กับพืชทุกชนิด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร สนใจ ติดต่อ เพจเฟสบุ๊ค  ชื่อชมรมผู้ประกอบการและการจัดการทางสังคม ( Social Entrepreneurship and Management Club-SEM ) หรือ 0813724235  บริการวิชาการ/ความรู้ ฟรี