กรมทางหลวง  ประชุมหารือมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม (กลุ่มย่อย ครั้งที่ 2) จุดตัดทางหลวงหมายเลข 309 กับทางหลวงหมายเลข 347 (แยกทุ่งมะขามหย่อง

กรมทางหลวง  โดยสำนักสำรวจและออกแบบ ได้ว่าจ้าง บริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัท ซิตี้ แพลนโปรเฟสชันนอล จำกัด และบริษัท เอเชีย แล็ป แอนด์ คอนซัสแตนท์ จำกัด เพื่อดำเนินการศึกษาสำรวจและออกแบบทางแยกต่างระดับ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 309 กับทางหลวงหมายเลข 347 (แยกทุ่งมะขามหย่อง) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ  พร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงได้เปิดโอกาให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิจารณาเพื่อแสดงข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ รวมถึงข้อวิตกกังวลต่างๆ ต่อร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นไปประกอบการปรับปรุงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้มีความเหมาะสม ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนน้อยที่สุด

          วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.30 น. นายยศวัฒน์ พัชระศักดิ์สกุล นายอำเภอบางปะหัน ประธานเปิดการประชุมหารือมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม (กลุ่มย่อย ครั้งที่ 2) โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางแยกต่างระดับ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 309 กับทางหลวงหมายเลข 347 (แยกทุ่งมะขามหย่อง) โดยมี ผศ.กฤตยชล  ทองธรรมสถิต  ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน 2 กล่าวรายงานฯ พร้อมด้วย ผู้แทนกรมทางหลวง คณะที่ปรึกษา  นายสานนท์  วรงค์สุรัติ  วิศวกรโครงการ  นางรังษิยา  กมลพนัส  ผู้ชำนาญการสิ่งแวดล้อม ดร.กิตติพจน์  เพิ่มพูน  ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน 1 บรรยายประเด็นข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ โดยมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง  กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น  ผู้นำชุมชน ประชาชน เข้าร่วมรับฟัง กว่า 100 คน  ณ ศาลาธรรมสังเวชวัดโคก  ต.พุทเลา อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

          นายยศวัฒน์ พัชระศักดิ์สกุล นายอำเภอบางปะหัน กล่าวว่า  ตามที่ กรมทางหลวง  มีแนวคิดที่จะปรับปรุงรูปแบบทางแยกทุ่งมะขามหย่อง รวมถึงปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 309 ช่วงที่มีขนาด 2 ช่องจราจร ให้เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจรต่อเนื่องกัน เพื่อรองรับแผนการพัฒนาโครงข่ายถนนสายหลักและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง รวมถึงโครงข่ายทางหลวงใกล้เคียง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรให้สามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น  จากการศึกษาพบแหล่งโบราณสถานในระยะ 1 กิโลเมตร ซึ่งเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะมีการพัฒนาโครงการ อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่น้อยที่สุด ในการศึกษาโครงการดังกล่าว จำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนองค์กร และประชาชนในพื้นที่โครงการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีความเหมาะสม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านจะใช้โอกาสนี้ เป็นช่องทางในการให้ข้อเสนอแนะและแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ พร้อมทั้งขอความอนุเคราะห์ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการให้ผู้ที่สนใจ  อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป